Rainy driving guide

1. ลดความเร็ว

  • ทำไม: ถนนที่เปียกน้ำจะลดแรงเสียดทานระหว่างยางรถกับพื้น ทำให้มีโอกาสลื่นไถลมากขึ้น

  • วิธี: ใช้ความเร็วที่ต่ำกว่าปกติ 10-20 กม./ชม. ขึ้นอยู่กับสภาพฝน

2. เปิดไฟหน้ารถ

  • ทำไม: ช่วยให้คุณมองเห็นถนนชัดเจนขึ้น และทำให้รถของคุณโดดเด่นขึ้นในสภาพอากาศที่มีมุมมองจำกัด

  • วิธี: เปิดไฟหน้ารถทันทีที่เริ่มมีฝนตก แม้จะยังไม่มืด

3. รักษาระยะห่าง

  • ทำไม: เมื่อถนนลื่น การเบรกจะใช้เวลานานขึ้น

  • วิธี: เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้นอย่างน้อย 3 วินาที

4. หลีกเลี่ยงการเหยียบเบรกกระทันหัน

  • ทำไม: การเบรกที่แรงเกินไปอาจทำให้รถลื่นไถล

  • วิธี: เริ่มเบรกล่วงหน้าและใช้เบรกอย่างนุ่มนวล

5. ตรวจสอบยางรถ

  • ทำไม: ยางที่มีสภาพดีสามารถช่วยให้มีการยึดเกาะถนนที่ดีกว่า

  • วิธี: ตรวจสอบความดันลมยางและความลึกของดอกยางอย่างสม่ำเสมอ

6. ระมัดระวังในจุดที่มีน้ำขัง

  • ทำไม: น้ำขังสามารถทำให้รถลื่นและเกิดอุบัติเหตุ

  • วิธี: หากไม่แน่ใจว่าลึกเท่าไหร่ อย่าขับผ่านและหาเส้นทางอื่นแทน

7. ใช้ที่ปัดน้ำฝน

  • ทำไม: ช่วยให้มองเห็นถนนและสภาพรอบข้างได้ดีขึ้น

  • วิธี: ปรับความเร็วของที่ปัดน้ำฝนตามความเข้มข้นของฝน

8. หลีกเลี่ยงการขับรถข้ามสะพาน

  • ทำไม: สะพานอาจมีความลื่นมากกว่าถนนปกติ เนื่องจากมีอากาศที่เย็นและมีน้ำระเหย

  • วิธี: ตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทางและเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยกว่า

9. ฟังข่าวสารการจราจร

  • ทำไม: ช่วยให้คุณทราบถึงสภาพการจราจรและปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

  • วิธี: เปิดวิทยุหรือใช้แอปพลิเคชันที่ให้ข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์

10. เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน

  • ทำไม: อุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

  • วิธี: มีชุดอุปกรณ์ช่วยเหลือเบื้องต้น เช่น สัญญาณเตือนภัย, ไฟฉาย, และน้ำดื่มในรถ